หนังสือ "6 ทิศทาง ESG ปี 2568"
จากรายงาน Global Risks Report ประจำปี พ.ศ. 2568 ของ World Economic Forum ระบุว่า นอกจากความเสี่ยงที่เกิดจากการเผชิญหน้าเชิงภูมิเศรษฐกิจที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อันเป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค อาทิ การตั้งกำแพงภาษีนำเข้า การควบคุมสินค้าส่งออกที่มีความอ่อนไหวต่อความมั่นคง (เช่น เซมิคอนดักเตอร์ เครื่องผลิตชิป) หรือการให้เงินอุดหนุนอุตสาหกรรมในประเทศ ฯลฯ จะเป็นความเสี่ยงระดับโลกที่มีนัยสำคัญสูงของปีนี้แล้ว
ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว ความเสี่ยงด้านสังคมที่เกิดจากข้อพิพาทโดยใช้กำลังอาวุธระหว่างรัฐ และความเสี่ยงด้านธรรมาภิบาลซึ่งมาจากการสร้างข้อมูลลวง (Disinformation) และการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน (Misinformation) ได้ถูกจัดให้เป็นความเสี่ยงด้าน ESG (Environmental, Social and Governance) ในปี พ.ศ. 2568 ที่ส่งผลวิกฤตรุนแรงระดับโลกด้วยเช่นกัน
ในระดับองค์กร ความเสี่ยงสำคัญทางด้าน ESG ในปีนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องผลกระทบจากกฎระเบียบที่เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ (เช่น ภาษีคาร์บอน) ผลกระทบต่อการจ้างงานจากการนำเทคโนโลยี (เช่น ปัญญาประดิษฐ์) เข้ามาใช้งาน และผลกระทบจากการขาดธรรมาภิบาล (เช่น การปกปิดข้อมูล) และมีผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งหลายกรณีที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ยังไม่มีความคืบหน้าในการบังคับใช้กฎหมายเท่าที่ควร
ในปี พ.ศ. 2568 ความท้าทายขององค์กรธุรกิจ ประกอบด้วย 2 เรื่องสำคัญ คือ ความหนักแน่นในการมุ่งสู่ความยั่งยืน โดยไม่ออกนอกวิถีหรือลู่ทางที่ตั้งไว้ (เช่น การล้มเลิกหรือขยับลดเป้าหมายด้านภูมิอากาศ การเลื่อนแผนการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน การถอนตัวจากภาคีด้าน ESG ที่ร่วมลงนาม ฯลฯ) และความสามารถในการนำองค์กรให้บรรลุเป้าหมาย ภายใต้วิสัยหรือขีดจำกัดที่องค์กรเผชิญอยู่ (เช่น ภาวะตลาดที่หดตัว งบดำเนินงานที่ลดลง ทรัพยากรที่ตึงตัว กฎระเบียบที่เพิ่มขึ้น ฯลฯ)
สถาบันไทยพัฒน์ ได้ทำการประเมินแนวโน้มความเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ของภาคธุรกิจ ประจำปี พ.ศ. 2568 ภายใต้รายงานที่มีชื่อว่า 2025 ESG Trends: จาก ‘วิถียั่งยืน’ สู่ ‘วิสัยยั่งยืน’ สสำหรับหน่วยงานและองค์กรธุรกิจที่กำลังดำเนินอยู่ในวิถีการพัฒนาที่ยั่งยืน สามารถใช้ประเด็นด้าน ESG ในการปรับแนวและจุดเน้นขององค์กรให้สอดรับกับขีดความสามารถของกิจการ เพื่อขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืนอย่างมีสมรรถภาพ
ดาวน์โหลดหนังสือ
2025 ESG Trends: จาก ‘วิถียั่งยืน’ สู่ ‘วิสัยยั่งยืน’
ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว ความเสี่ยงด้านสังคมที่เกิดจากข้อพิพาทโดยใช้กำลังอาวุธระหว่างรัฐ และความเสี่ยงด้านธรรมาภิบาลซึ่งมาจากการสร้างข้อมูลลวง (Disinformation) และการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน (Misinformation) ได้ถูกจัดให้เป็นความเสี่ยงด้าน ESG (Environmental, Social and Governance) ในปี พ.ศ. 2568 ที่ส่งผลวิกฤตรุนแรงระดับโลกด้วยเช่นกัน
ในระดับองค์กร ความเสี่ยงสำคัญทางด้าน ESG ในปีนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องผลกระทบจากกฎระเบียบที่เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ (เช่น ภาษีคาร์บอน) ผลกระทบต่อการจ้างงานจากการนำเทคโนโลยี (เช่น ปัญญาประดิษฐ์) เข้ามาใช้งาน และผลกระทบจากการขาดธรรมาภิบาล (เช่น การปกปิดข้อมูล) และมีผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งหลายกรณีที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ยังไม่มีความคืบหน้าในการบังคับใช้กฎหมายเท่าที่ควร
ในปี พ.ศ. 2568 ความท้าทายขององค์กรธุรกิจ ประกอบด้วย 2 เรื่องสำคัญ คือ ความหนักแน่นในการมุ่งสู่ความยั่งยืน โดยไม่ออกนอกวิถีหรือลู่ทางที่ตั้งไว้ (เช่น การล้มเลิกหรือขยับลดเป้าหมายด้านภูมิอากาศ การเลื่อนแผนการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน การถอนตัวจากภาคีด้าน ESG ที่ร่วมลงนาม ฯลฯ) และความสามารถในการนำองค์กรให้บรรลุเป้าหมาย ภายใต้วิสัยหรือขีดจำกัดที่องค์กรเผชิญอยู่ (เช่น ภาวะตลาดที่หดตัว งบดำเนินงานที่ลดลง ทรัพยากรที่ตึงตัว กฎระเบียบที่เพิ่มขึ้น ฯลฯ)
สถาบันไทยพัฒน์ ได้ทำการประเมินแนวโน้มความเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ของภาคธุรกิจ ประจำปี พ.ศ. 2568 ภายใต้รายงานที่มีชื่อว่า 2025 ESG Trends: จาก ‘วิถียั่งยืน’ สู่ ‘วิสัยยั่งยืน’ สสำหรับหน่วยงานและองค์กรธุรกิจที่กำลังดำเนินอยู่ในวิถีการพัฒนาที่ยั่งยืน สามารถใช้ประเด็นด้าน ESG ในการปรับแนวและจุดเน้นขององค์กรให้สอดรับกับขีดความสามารถของกิจการ เพื่อขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืนอย่างมีสมรรถภาพ
ดาวน์โหลดหนังสือ
2025 ESG Trends: จาก ‘วิถียั่งยืน’ สู่ ‘วิสัยยั่งยืน’